Last updated: 16 เม.ย 2563 | 143366 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อเราได้เมล็ดกาแฟดิบ (green bean) เรายังไม่สามารถนำไปรับประทานได้ ต้องนำเมล็ดกาแฟดิบนั้นไปทำการคั่วก่อน โดยที่การคั่วกาแฟ แบ่งหลักๆ ได้ 3 ระดับ ได้แก่ คั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม ซึ่งระดับการคั่วกาแฟมีผลต่อรสชาติความเปรี้ยว ความหวาน ความขม รวมไปถึงกลิ่นกาแฟ ซึ่งเป็นรายละเอียดขั้นสูงการคั่วกาแฟที่ทำให้ได้ โปรไฟล์กาแฟ(คุณลักษณะของรสชาติ และกลิ่นของกาแฟ)ตามที่เราต้องการ
ขั้นตอนระหว่างการคั่วกาแฟ
เราจะอธิบายภาพขั้นตอนต่างๆ ระหว่างที่คั่วกาแฟได้ดังนี้
คลิปการคั่วเมล็ดกาแฟระดับคั่วกลาง
ระดับของการคั่วกาแฟ
1.ระดับคั่วอ่อน (Light roast, Half city , Cinnamon roast)
- ระดับการคั่วนี้เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลอ่อน คล้ายสีของ cinnamon หรืออบเชยนั่นเอง2. ระดับคั่วกลาง (Medium roast , Full city , American)
- ระดับการคั่วนี้เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้มปานกลาง (เข้มกว่าคั่วอ่อน แต่ไม่ถึงขั้นเป็นสีดำ)
- ระดับการคั่วกลาง จะให้รสชาติ ขมปนหวาน และมีความเปรี้ยวเล็กน้อย
- เหมาะกับการทำกาแฟร้อนและเย็น (กรณีทำกาแฟร้อนจะมีความเปรี้ยวน้อยกว่าระดับคั่วอ่อน และเมื่อทำกาแฟเย็นรสชาติจะเข้มข้นไม่เท่าระดับคั่วเข้ม)
- ให้รสชาตินุ่มกลมกล่อม
3. ระดับคั่วเข้ม (Dark roast, Continental roast , Vienna roast)
- ระดับการคั่วนี้เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้ม ขมปนหวานเล็กน้อย(ต้องสังเกตจริงๆ) ไม่มีความเปรี้ยวหลงเหลือ และมีกลิ่นฉุนของกาแฟปนกับกลิ่นหอมของกาแฟ
- เหมาะกับการทำกาแฟเย็น ที่ต้องการรสชาติที่เข้มข้น หรือ ต้องการเนื้อสัมผัสของกาแฟมาก (body ของกาแฟ)
- เหมาะกับเมนู espresso เย็นมากที่สุด เพราะเมนูอื่นอาจจะทำให้รสชาติการแฟขมเกินไป
สรุปสั้นๆ เกี่ยวกับการคั่วกาแฟ
1. ระดับการคั่วอ่อน จะให้รสชาติเปรี้ยว และคุณสมบัติดังเดิมของกาแฟทั้งหมดเหมาะกับการทำกาแฟร้อน (espresso , americano )
2. ระดับการคั่วกลาง จะให้รสชาติหวาน เปรี้ยวและขมเล็กน้อย เหมาะแก่การทำกาแฟที่ต้องการความนุ่ม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน ทั้งร้อนและเย็น
3. ระดับการคั่วเข้ม จะได้รสชาติ หวานเล็กน้อยและขม เหมาแก่การทำกาแฟเย็น และเหมาะกับความต้องการกาแฟที่มี body เยอะๆ
5 ต.ค. 2565
9 ก.พ. 2566
7 มิ.ย. 2565
9 มิ.ย. 2565